banner_top2

เช็กลิสต์ออฟฟิศสมัยใหม่ Work-Life-Balance ต้องครบ

“Work-Life-Balance” คำนิยมของคนสมัยใหม่ จุดสมดุลของการใช้ชีวิตและทำงาน ถ้ามองจากมุมคนทำงานแล้วการมีสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่การทำงานออฟฟิศทั่วไปการจัดการ work-life-balance ก็เป็นไปได้ยาก ทำให้คนสมัยใหม่ไม่ค่อยมีไฟในการทำงานออฟฟิศและหันไปทำงาน freelance ที่ได้ทั้งงานได้ทั้งการใช้ชีวิต ออกไปทำงานที่นอกกรอบ ทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเจ วันนี้เรารวมมาให้แล้วเช็กลิสต์ออฟฟิศเพื่อคนรุ่นใหม่ต้องมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1.พื้นที่ทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้

ทำให้พื้นที่ออฟฟิศสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ หรือเรียกง่ายๆว่าออกแบบการจัดพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น มีโซนพักผ่อนแต่ก็มีปรับหรือโต๊ะเพื่อนั่งทำงานคุยงานเล็กๆน้อยไปด้วยได้ หรือการออกแบบห้องทำงานที่สามารถเปลี่ยนเป็นห้องประชุมได้ ห้องทำงานของแต่ละแผนกสามารถเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน layout การทำงานได้

2.พื้นที่แบบไม่เป็นทางการ หรือ พื้นที่ชิล

การจัดโซนภายในที่ไม่ตายตัว มีพื้นที่ให้พนักงานนั่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการมาทำงานในแต่ละวัน หรือจะเป็นโซนเพื่อผ่อนคลายทั้งจากความเครียดของงานหรือความเมื่อยล้าของร่างกายก็เป็นการดีเลย ชิลหน่อยได้งานแล่นชัวร์ ยิ่งออฟฟิศไหนสายครีเอทีฟยิ่งสำคัญเลย บรรยากาศพื้นที่มีผลต่อการคิดงาน 100% 

3.เพิ่มสีเขียว เพิ่มพื้นที่ธรรมชาติ

การเพิ่มพื้นที่ธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า น้ำพุ หรือแม้แต่พรมหญ้าสีเขียวให้เป็นจุดที่สดชื่น นอกจากเรื่องความสดชื่นของออฟฟิศแล้วยังทำให้การออกแบบตกแต่งภายในออฟฟิศดูสวยงามอีกด้วย พนักงานก็มีที่พักสายตาก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นได้โดยเราไม่ต้องทำอะไรเลยก็ว่าได้ ทั้งสดชื่น ทั้งผ่อนคลาย

4.เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ

อย่างที่รู้กันการนั่งทำงานนานๆก็สามารถทำให้ร่างกายพังได้เลยทีเดียว การที่ออฟฟิศมีเฟอร์นิเจอร์ที่ดูแลเรื่องสุขภาพของพนักงานสักหน่อย บอกได้เลยว่านั้นคือสวรรค์ของการมาทำงานของพนักงานเลยละ ไม่ต้องทนเมื่อยนั่งทำงาน ทนนั่งเก้าอี้ที่ปวดหลัง ทำงานไม่เป็นสุขแล้ว

5.พื้นที่ทำงานแบบเปิดโล่ง

เพิ่มความโปร่งของออฟฟิศด้วยการจัดสรรพื้นที่ให้มีความโปร่ง ลดการกั้นพื้นที่หรือห้อง และใช้การแบ่งพื้นที่โดยใช้ฉากกั้นเล็กๆ หรืออาจะเป็นการปูพื้นให้มีสีที่ต่างก็เป็นการแบ่งพื้นที่ใช้งานได้ดีเช่นกัน นอกจากความโปร่งของออฟฟิศจะทำให้รู้สึกโล่งสบาย พนักงานไม่รู้สึกถูกปิดกั้นหรือโดนกำหนดขอบเขตจนเกินไป แล้วยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกด้วยเพราะเมื่อไม่มีการการกั้นห้องการติดต่อสื่อสารและคุยงานกันได้สะดวกขึ้น

6.สร้างที่ทำงานให้เป็นวิมาน

จัดสรรพื้นที่ให้เหมือนกับบ้าน ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น สบายใจ และผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องจัดในทุกโซนของออฟฟิศก็ได้ อาจจะเลือกจัดในมุมมุมหนึ่งเพื่ออให้พนักงงานได้เข้าไปใช้งาน เมื่อพนักงานรู้สึกสบายใจแล้ว การทำงานยิ่งมีประสิทธิภาพ และมีความสุขกับการมาทำงาน

7.การจัดการเสียงที่มีประสิทธิภาพ

 

เนื่องจากการจัดพื้นที่ออฟฟิศที่มีพื้นที่โล่งเป็นส่วนมาก การจัดการเสียงที่ดีย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากพนักงานในแต่ละแผนกต้องการบรรยากาศและลักษณะในการทำงานที่แตกต่างกันไป เช่นแผนกครีเอทีฟต้องการความเงียบสงบในการทำงาน แต่แผนกขายต้องติดต่อพูดคุยกับลูกค้าเพื่อให้ได้งาน หากระบบจัดการเสียงไม่ดี ออฟฟิศเละแน่นอน ฉะนั้นการจัดสรรพื้นที่ก็ต้องมีการแบ่งพื้นที่สงบงดใช้เสียงและห้องเพื่อใส่เสียงและพูดคุยโทรศัพท์ให้ออกจากกัน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด

นอกจากการจัดสรรออฟฟิศให้มี work-life-balance ที่ดีแล้ว การเลือกทำเลที่ตั้ง ระบบรักษาความปลอดภัย ออฟฟิศใกล้สิ่งอำนวยสะดวกก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆของการเลือกพื้นที่ตั้งออฟฟิศที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นก่อนเลือกที่ตั้งออฟฟิศควรพิจราณาอย่าถี่ถ้วนทุกมุมมองเพื่อการลงทุนระยะยาวที่คุม